การสอนแบบโครงการเป็นการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เด็กสนใจจะเรียนรู้อย่างลุ่มลึกด้วยกระบวนการแก้ปัญหาการสอนแบบโครงการคืออะไร?
การสอนแบบโครงการ หมายถึง
การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก
ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา
โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้การสอนแบบโครงการมีที่มาอย่างไร?
การจัดการเรียนการสอนแบบโครงการได้เริ่มในประเทศสหรัฐอเมริกา
ช่วงศตวรรษที่ 19-20 เป็นความคิดริเริ่มของ William Heard
Kilpatrick นักการศึกษาอเมริกัน ซึ่งพัฒนามาจากแนวคิดของ John
Dewey ที่สนับสนุนให้สร้างประสบการณ์ทางการศึกษาเพื่อช่วยให้เด็กเกิดความตระหนักในชุมชน
นำมาประยุกต์
สอนเด็กถึงวิธีการใช้โครงการที่เกี่ยวกับประสบการณ์จริงให้เป็นรากฐานสำคัญของการศึกษามากกว่าการเตรียมเด็กเพื่ออนาคต
ในช่วงปี ค.ศ. 1934 Lucy Sprague Mitchell นักการศึกษาจาก The Bank Street
College Of Education นครนิวยอร์ก
ออกศึกษาสิ่งแวดล้อมและสอนครูให้รู้จักวิธีการใช้โครงการ
ซึ่งเป็นวิธีสอนที่พัฒนาโดยวิทยาลัยการศึกษาแบงก์สตรีทมีส่วนคล้ายคลึงอย่างมากกับการสอนแบบโครงการ
ผลการทดลองใช้พบว่า เด็กเรียนรู้ได้ดีจากการวางแผนทำงานร่วมกัน
ได้ตัดสินใจและเรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการเรียน
ผลการเรียนรู้ส่งเสริมศักยภาพของเด็กทุกด้าน ต่อมาในปี ค.ศ.1945
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน Villa Cella ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ
ที่อยู่ห่างจากตัวเมือง Reggio Emilia 2-3 ไมล์ แม่บ้านกลุ่มหนึ่งร่วมมือกับ Malaguzzi
นักการศึกษา
และกลุ่มผู้ปกครองจัดการศึกษาให้เหมาะกับเด็กที่มีชีวิตอยู่ท่ามกลางบ้านเรือนปรักหักพังเพราะผลจากสงครามโลก
และทำการศึกษาค้นคว้าทฤษฎี บทความ งานวิจัย ข้อคิดเห็นจากศาสตร์สาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
ทดลองปฏิบัติ แล้ววิเคราะห์ สะท้อนผลการปฏิบัติ
ทำการปรับปรุงจนได้แนวคิดและการปฏิบัติในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
และประสบผลสำเร็จจนเป็นที่รู้จักในกลุ่มยุโรปอเมริกาเหนือ และอเมริกา ตั้งแต่ปี
ค.ศ.1980 Reggio Emilia ได้กลายเป็นชื่อของแนวคิดในการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
และ การเรียนรู้อย่างลุ่มลึกจากงานของโครงการ (Projects) เป็นกิจกรรมการสอนที่
โดดเด่นในโรงเรียนตามแนวคิด Reggio Emilia การจัดประสบการณ์แบบโครงการได้รับการพัฒนารูปแบบให้ชัดเจนขึ้นโดย
Katz ชาวอเมริกา และ Chard ชาวแคนาดา
ที่ได้ไปศึกษาดูงานการเรียนการสอน Project Approach จากโรงเรียนก่อนประถมศึกษาในเมือง
Reggio Emilia ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี
และทั้งสองก็ได้พิมพ์เผยแพร่หนังสือชื่อว่า Engaging Children , s Mind :
The Project Approach ซึ่งหนังสือเล่มนี้ ได้เป็นแนวทางในการจัดประสบการณ์แบบโครงการในระยะต่อมา
สำหรับประเทศไทยมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนทางการศึกษาได้จัดหลักสูตรที่กำหนดรายวิชา
นวัตกรรมการศึกษา
โดยให้นักศึกษาเรียนและทดลองจัดการสอนแบบโครงการให้แก่เด็กปฐมวัยเป็นนวัตกรรมหนึ่งที่ต้องฝึกปฏิบัติ
ตลอดจนศึกษาวิจัยในหลักสูตรระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ส่วนสถานศึกษาระดับปฐม
วัยทั้งภาครัฐและเอกชนสนใจนำนวัตกรรมการ
สอนแบบโครงการไปใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
การสอนแบบโครงการมีลักษณะอย่างไร?
การสอนแบบโครงการเป็นการจัดการเรียนการสอนที่มีลักษณะสำคัญดังนี้
ความคิดพื้นฐานเชื่อว่า การเรียนรู้ของเด็กมาจากการกระทำ เด็กเป็นผู้ที่ต้องพัฒนา
มีความคิด มีความมุ่งหมาย
ความต้องการที่จะเรียนรู้ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นของตนเองต้องพึ่งตนเอง
การสอนแบบโครงการมุ่งพัฒนาทางร่างกายและจิตใจของเด็กไปพร้อมกัน
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1
เริ่มต้นโครงการ เด็กจะร่วมกันคิดเรื่องที่สนใจ
ระยะที่ 2
ระยะวางแผนโครงการ เป็นช่วงเวลาที่กำหนดจุดประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้อะไร
กำหนดขอบเขตเนื้อหา ระยะเวลาและวิธีการศึกษา
ระยะที่ 3
ดำเนินโครงการตามที่กำหนดไว้ ที่เน้นระบวนการแก้ปัญหา จัดเป็นหัวใจของการสอนแบบโครงการ
เพราะเด็กจะได้รับข้อมูลใหม่จากประสบการณ์ตรงหรือเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานเพราะเด็กได้สนทนา
พูดคุยกับบุคคล และสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้
ขณะเดียวกันเด็กสามารถค้นความรู้จากแหล่งข้อมูลรอง (Secondary Sources) เช่น
การดูวีดีทัศน์ การอ่านหนังสือ เป็นต้น
ระยะที่ 4
สรุปโครงการ ครูและเด็กร่วมวางแผนสรุปโครงการ เป็นขั้นตอนการประเมินโครงการ
ทบทวนการปฏิบัติ และวางแผนโครงการใหม่
วิธีการสรุปโครงการอาจจะให้เด็กนำผลงานที่ได้รับมอบหมายมาแสดงต่อครูแล้วอภิปรายประเด็นปัญหา
หรือให้เด็กนำเสนอผลงาน ในรูปของการจัดแสดง จัดเป็นนิทรรศการ หรือสาธิตผลงาน
มีกิจกรรมหลักในโครงการ 4 กิจกรรมคือ
กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในชั้นเรียน กิจกรรมทัศนศึกษา กิจกรรมสืบค้น
และกิจกรรมนำเสนอผลงาน กิจกรรมสืบค้นมีหลากหลายได้แก่
การรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสังเกต การสัมภาษณ์ การปฏิบัติทดลอง การรวบรวมเอกสาร
การรายงาน การจัดแสดงผลงานที่ได้จากโครงการ เป็นต้น
เรื่องที่จะเรียนมาจากความสนใจของเด็กที่ต้องการเรียนอย่างลุ่มลึก
เด็กจึงเป็นผู้วางแผนและร่วมคิด ร่วมมือสืบค้นกับผู้อื่น ครูเป็นผู้สนับสนุน
สังเกตและอำนวยความสะดวก หากเรื่องนั้นมีความเป็นไปได้ มีแหล่งข้อมูลเพียงพอ
พ่อแม่และชุมชนมีความพร้อมที่จะร่วมมือ ทักษะการเรียนรู้หนังสือจำนวน
ให้บูรณาการในหัวเรื่องโครงการ รวมทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษา ดังนั้น
หัวเรื่องหนึ่งที่เด็กสนใจเรียนรู้นั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 1
สัปดาห์และควรสำรวจที่โรงเรียนเหมาะกว่าที่บ้าน
การสอนแบบโครงการมีประโยชน์ต่อเด็กปฐมวัยอย่างไร?
การจัดการสอนแบบโครงการเป็นที่สนใจของนักการศึกษาจึงได้นำไปใช้และวิจัยสรุปถึงประโยชน์ที่มีต่อเด็กดังนี้
เด็กจะเห็นคุณค่าของตนเอง เป็นแนวทางให้เด็กพึ่งพาตนเองได้
ส่งเสริมให้เด็กมีโอกาสที่จะประยุกต์ใช้ทักษะที่มีอยู่
เด็กเกิดแรงจูงใจภายในและความสามารถที่เกิดจากตัวเด็กเองในงานและกิจกรรมที่ทำ
เด็กรู้จักตัดสินใจว่าควรทำอะไร และผู้ใหญ่ยอมรับในความต้องการของเด็ก
เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง อย่างมีความสุข
สนุกสนานเพราะเด็กได้เรียนในสิ่งที่ตนเองสนใจ รู้จักประยุกต์ใช้ความรู้
ส่งเสริมให้เด็กมีวิธีการทำงานอย่างมีแบบแผน
สามารถนำรูปแบบการสืบค้นความรู้ไปใช้ได้ในชีวิตจริง
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและครอบครัว เนื่องจากการสอนแบบโครงการ พ่อแม่
ผู้ปกครองจะต้องร่วมมือกับครูสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กทุกรูปแบบ สถานศึกษาใดที่จัดการสอนแบบโครงการ?
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
(ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช)
ได้จัดการเรียนการสอนแบบโครงการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542-ปัจจุบัน
หลังจากคณะครูโรงเรียนสาธิตได้รับการอบรมปฏิบัติ การสอนแบบโครงการจาก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. จิรภรณ์ วสุวัต ผู้วิจัยการสอนแบบโครงการ
และศึกษาดูงานโรงเรียนที่จัดการสอนแบบโครงการจากโรงเรียนเกษมพิทยา กรุงเทพมหานคร
อาจารย์หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย คณะครุศาสตร์ และคณะครูโรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จึงร่วมมือจัดการเรียนการสอนแบบโครงการปีละ 1
เรื่องๆละ 1 เดือน ในภาคเรียนที่ 2
โดยมีนักศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยร่วมฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูและทำวิจัยชั้นเรียน
การจัดการเรียนการสอนอยู่บนพื้นฐานความเชื่อว่าเด็กเป็นผู้เรียนรู้ได้จากการปฏิบัติด้วยตนเองโดยความร่วมมือระหว่างโรงเรียน
บ้านและชุมชน สนับสนุนให้เด็กทำงานโดยส่งเสริมการวางแผน การค้นคว้าทดลอง
การทำงานและการแก้ปัญหาร่วมกัน ส่วนเรื่องที่จะเรียนเกิดจากความสนใจของเด็ก
แต่ครูจะเป็นผู้สังเกตและสร้างความสนใจให้เด็กเรียนเรื่องที่ใกล้ตัว
มีแหล่งเรียนอยู่ในท้องถิ่น มีวิทยากรที่ให้ความร่วมมือ เรื่องเป็นประโยชน์และผู้ปกครองมีโอกาสสนับสนุนการเรียนรู้ของลูก
เมื่อดำเนินการจัดประสบการณ์จะมีลักษณะบูรณาการการเรียนทั้งด้านภาษา คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์ สังคม และการอยู่ร่วมกับผู้อื่น พ่อแม่
ผู้ปกครองจะนำการสอนแบบโครงการมาประยุกต์ใช้กับลูกได้อย่างไร?
การจัดการสอนแบบโครงการนำมาประยุกต์ใช้ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี
โดยให้ลูกได้เรียนรู้เรื่องที่เขาสนใจทั้งในแนวกว้างและแนวลุ่มลึกที่เขาสามารถเรียนได้
สนับสนุนลูกให้สืบหาคำตอบด้วยตนเองโดยพ่อแม่หรือพี่
น้องวัยใกล้เคียงกันเป็นเพื่อนร่วมเรียน ด้วยวิธีการอ่านหนังสือ การวาดภาพ
การสร้างเรื่อง การสังเกต การเขียน และรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้รู้
ผู้เชี่ยวชาญซึ่งอาจจะเป็นญาติผู้ใหญ่ เช่น ย่า ยาย เพื่อนบ้าน
นำลูกไปเรียนรู้ที่แหล่งเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง และให้ลูกประมวลความรู้ที่ค้นพบ
สิ่งสำคัญ พ่อแม่จะต้องเข้าใจว่าการสอนแบบโครงการจะต้องอาศัยเวลา
บางครั้งลูกอาจจะประมวลสรุปความรู้ไม่ได้ ต้องค้นหาสาเหตุ
บางครั้งอาจจะเกิดจากเรื่องที่สนใจนั้นใช้เวลาศึกษายาวนาน
หรือการรับรู้เรื่องราวขาดการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิม
เมื่อลูกได้รับการส่งเสริมให้สืบค้นความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา พ่อแม่จะสังเกตพบว่า
ลูกได้ใช้ภาษา ได้พัฒนาทักษะสังคม ได้พัฒนาความคิดผ่านการใช้คำถาม การแก้ปัญหา
และได้ทักษะการสังเกต เกร็ดความรู้เพื่อครู
การสอนแบบโครงการเกิดจากความเชื่อว่าเด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยการให้เด็กเป็นผู้แสวงหาความรู้
หาคำตอบในเรื่องที่เขาสนใจ ครูคือผู้มีบทบาทสำคัญที่ควรส่งเสริมให้เด็กได้สัมผัส
ได้เรียนรู้จากสถานที่จริง ให้เด็กได้เรียนรู้กับเพื่อนและบุคคลอื่นนอกเหนือจากครู
ครูต้องอดทน รอคอยการสร้างองค์ความรู้ของเด็กมากกว่าจะบอกคำตอบให้เด็กทันที
การเรียนแบบโครงการต้องใช้เวลา ครูจึงต้องวางแผนจัดกิจกรรมทุกระยะของโครงการด้วยความร่วมมือกับผู้บริหารและผู้ปกครอง
บรรณานุกรม
กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2545). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา.
กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอดิสัน เพรสโปรดักส์
จำกัด. จิรภรณ์ วสุวัต. (2540).
การพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมจริยธรรมทางสังคมของเด็กวัยอนุบาลตามแนวคิดคอนสตัคติวิสโดยการใช้ประสบการณ์แบบโครงการ.
วิทยานิพนธ์ ปริญญาครุศาสตร์มหาบัณฑิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พัชรี ผลโยธิน. (2544).
เด็กปฐมวัยกับการเรียนรู้. กรุงเทพมหานคร:
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. วัฒนา สมัคคสมัน. (2539).
การพัฒนารูปแบบการสอนตามหลักการสอนแบบโครงการเพื่อสร้างเสริมการเห็นคุณค่าในตนเองของเด็กวัยอนุบาล
วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สมสุดา มัธยมจันทร์. (2544). การศึกษาสภาพและปัญหาการจัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยการใช้การสอนแบบโครงการในโรงเรียนอนุบาล
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาเอกชน วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุจินดา รุ่งขจรศิลป์. (2543).การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยไทย:
ตามแนวคิดเรกจิโอ เอมีเลีย. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พริกหวานกราฟฟิค จำกัด .
สุดารัตน์ พลแพงพา. (2544). ผลการสอนนิทานชาดกเรื่อง
พระมหาชนกโดยใช้การสอนแบบโครงการที่มีต่อความเพียรของเด็กวัยอนุบาล. วิทยานิพนธ์
ครุศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุบผา เรืองรอง. (2543). การสอนแบบโครงการ.
เอกสารประกอบการบรรยายในโครงการอบรมครูประจำการโรงเรียนเครือข่ายการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช:คณะครุศาสตร์ สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช
.
อำพวรรณ์ เนียมคำ. (2544). ผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. Katz, L.G.
and Chard ,S.C.(1994). Engaging children’s mind: The project approach. New
Jersey: Ablex.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น